รับซื้อกล้อง Fujifilm

รับซื้อกล้องอุบล กล้องCanon Nikon Fujifilm Panasonic

รับซื้อกล้องอุบล กล้องCanon Nikon Fujifilm Panasonic

สวัสดีครับวันนี้เรามาแนะนำทีมงาน รับซื้อกล้อง ในจังหวัด อุบล ที่ให้ราคาสูงที่สุดและยังมีบริการไปรับถึงหน้าบ้านของท่าน 

เพียงแอดไลน์แอด @webuy  มีตัว @ ด้วย ท่านสามารถส่งรูปโน๊ตบุ๊ค ให้ทีมงานตีราคาก่อนได้เลย

หรือโทรด่วน 064-257-9353  คุณโน๊ต

รับซื้อกล้อง Fujifilm     รับซื้อโมเดล อุบล

เราพร้อมจะประสานงานทีมงานเพื่อไป รับซื้อกล้อง ของท่านถึงที่

****    ที่สำคัญ เราไม่รับของโจร ของผิดกฏหมายทุกกรณี     ****

ขั้นตอนในการ ขายกล้อง ง่ายๆ อุบล

1 แอดไลน์ @webuy ส่งรูปให้ทีมงานตีราคา รับซื้อกล้องอุบล

2 ตกลงซื้อขายราคากันได้สำเร็จ ทีมงานแจ้งนัดเวลาที่เข้ารับซื้อกล้องอุบล

3 ทีมงานเข้าตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของท่านว่าเป็นไปตรงตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่

4  ตกลงซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้รับเงินสดทันที

รับซื้อโน๊ตบุ๊ค

ขายกล้อง กับเราดียังไง ทำไมต้องขายกับเรา รับซื้อกล้องอุบล

เรามีบริการรับซื้อถึงที่ ให้ราคาสูงที่สุด สามารถประเมินราคาก่อนตกลงซื้อขายกันได้ ถ้าพอใจในราคาจึงตกลงซื้อขายกันครับ

เรารับได้ไม่อั้น มี 1 เครื่องก็รับ มี 100 เครื่องเราก็รับ

ไม่ต้องเทียบราคาที่อื่นยาก เราให้สูงที่สุด พอใจในราคาตกลงกันได้เลย

แอดไลน์ @webuy ( มีตัว @ ด้วย ) หรือโทร 064-2579353 แนะนำให้ติดต่อผ่านไลน์

รับซื้อกล้องโซนี่

จังหวัดไหนบ้างที่เรามีบริการ รับซื้อกล้องอุบล

เรารับซื้อ.com กำลังขยายเขตการ รับซื้อกล้อง มือสองให้ครอบคลุมทั่วภาคอีสาน ในขณะนี้เราสามารถรับซื้อได้ในทุกจังหวัดในภาคอีสาน โดยทีมงานมืออาชีพ

หนองคาย นครพนม สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี

ต้องการขายกล้อง เพียงแอดไลน์ @webuy ส่งรูปโน๊ตบุ๊ค ตีราคา ตกลงขายกันได้ทันที รับซื้อกล้องทุกจังหวัด รับซื้อกล้องอุบลราชธานี

 

รับซื้อกล้องหนองคาย,รับซื้อกล้องนครพนม, รับซื้อกล้องสกลนคร, รับซื้อกล้องอุดรธานี ,รับซื้อกล้องหนองบัวลำภู ,รับซื้อกล้องเลย ,รับซื้อกล้องมุกดาหาร ,รับซื้อกล้องกาฬสินธุ์, รับซื้อกล้องขอนแก่น ,รับซื้อกล้องอำนาจเจริญ, รับซื้อกล้องยโสธร,รับซื้อกล้องร้อยเอ็ด, รับซื้อกล้องมหาสารคาม ,รับซื้อกล้องชัยภูมิ, รับซื้อกล้องนครราชสีมา ,รับซื้อกล้องบุรีรัมย์, รับซื้อกล้องสุรินทร์,รับซื้อกล้องศรีสะเกษ ,รับซื้อกล้องอุบลราชธานี

 

เรารับซื้อ.com รับซื้อกล้องรุ่นอะไรบ้าง ?

กล้อง Canon

Canon EOS 6D Mark II  Canon EOS 77D  Canon EOS RP  Canon EOS Canon EOS 750D  Canon EOS R7 Canon EOS R10 Canon PowerShot G7X Mark II Canon EOS M10 CANON INSPIC CV-123A

และรุ่นอื่นๆก็รับทั้งหมด

กล้อง Nikon

Nikon รุ่น Z 9   Nikon รุ่น D850    Nikon รุ่น Z 7II    Nikon รุ่น Z 6II   Nikon รุ่น Z30 Kit 16-50mm Nikon รุ่น D780 Nikon รุ่น D7500 AF-S DX 18-140mm Kit Nikon รุ่น D500 100th Anniversary Edition Nikon รุ่น Z fc Nikon รุ่น COOLPIX P950  และรุ่นอื่นๆก็รับทั้งหมด

กล้อง Fujifilm

Fujifilm Instax Mini Evo  Fujifilm Instax Mini 11  Fujifilm X-S10  Fujifilm instax mini 40  Fujifilm X-A7  Fujifilm Instax Mini 12  Fujifilm Instax Mini 9  Fujifilm X-T5  Fujifilm X-T200  Fujifilm X-Pro 3  และรุ่นอื่นๆก็รับทั้งหมด

กล้อง Sony

SONY ZV-E10    SONY Alpha a7C   SONY a6400   SONY a7 IV  SONY Alpha 7 III   SONY Alpha 7C  SONY a6600  SONY A7S Mark III  SONY A7S III  SONY A6700  และรุ่นอื่นๆก็รับทั้งหมด

กล้อง Olympus

     Olympus รุ่น OMD E-M10 Mark III     Olympus รุ่น PEN E-PL9     Olympus รุ่น OMD E-M5 Mark II     Olympus รุ่น PEN E-PL     Olympus รุ่น OMD E-M10 Mark II  Olympus รุ่น OMD E-M1 Mark II   Olympus รุ่น PEN F  Olympus รุ่น E-M1X Body  และรุ่นอื่นๆก็รับทั้งหมด

ที่ร้านยกรายชื่อข้างต้นขึ้นมาเพื่อเพียงเป็นตัวอย่างรายชื่อกล้องที่ร้านสามารถรับซื้อเท่านั้น รุ่นอื่นๆร้านก็รับได้เช่นกัน สามารถส่งรูปเข้าในช่องทางไลน์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตีราคาให้ก่อนได้เลย รับซื้อกล้องถ่ายรูป ศรีสะเกษ

รับซื้อกล้องหนองคาย,รับซื้อกล้องนครพนม,รับซื้อกล้องสกลนคร,รับซื้อกล้องอุดรธานี,รับซื้อกล้องหนองบัวลำภู,รับซื้อกล้องเลย,รับซื้อกล้องมุกดาหาร,รับซื้อกล้องกาฬสินธุ์,รับซื้อกล้องขอนแก่น,รับซื้อกล้องอำนาจเจริญ,รับซื้อกล้องยโสธร,รับซื้อกล้องร้อยเอ็ด,รับซื้อกล้องมหาสารคาม,รับซื้อกล้องชัยภูมิ,รับซื้อกล้องนครราชสีมา,รับซื้อกล้องบุรีรัมย์,รับซื้อกล้องสุรินทร์,รับซื้อกล้องศรีสะเกษ,รับซื้อกล้องอุบลราชธานี

การเก็บรักษากล้องให้ดี

  1. ทำความสะอาด: ก่อนที่จะเก็บรักษากล้อง ควรทำความสะอาดอย่างระมัดระวัง เช่น ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เพื่อเช็ดทุกส่วนของกล้อง เพื่อป้องกันฝุ่นหรือร่องรอยที่อาจส่งผลกระทบต่อเซ็นเซอร์หรือเลนส์
  2. เก็บในที่แห้งและอุ่น: อากาศชื้นหรือความชื้นสูงสามารถทำให้กล้องเสียหายได้ เก็บในที่ที่ไม่มีความชื้น และอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม เช่น ในห้องที่มีแอร์หรือในตู้เย็นเล็ก
  3. ใช้ภาคสารกันสัมผัส: การเก็บรักษาในภาคสารกันสัมผัส เช่น กระเป๋าใส่กล้อง หรือกรณีของเลนส์ก็ควรใส่ฝาล้อคุณภาพ เพื่อป้องกันการรอยขีดข่วนหรือความเสียหายจากการชนกัน
  4. เปลี่ยนแบตเตอรี่ก่อนเก็บ: หากไม่ได้ใช้กล้องเป็นเวลานาน ควรเอาแบตเตอรี่ออกและเก็บแบตเตอรี่ในสภาพที่เต็มเต็ง ซึ่งสามารถช่วยให้แบตเตอรี่ไม่สึกหรอหรือเสื่อมสภาพ
  5. เก็บอะไหล่และอุปกรณ์เสริมไว้ด้วยกัน: ถ้ามีเลนส์ ฟิลเตอร์ หรืออุปกรณ์เสริมอื่น ควรเก็บรวมไว้ในที่เดียวกัน เพื่อง่ายต่อการเข้าถึงและป้องกันการสูญหาย

รับซื้อกล้องถ่ายรูปอุบล

 

ความเป็นมา อุบลราชธานี

ตำนานเมืองอุบล ได้กล่าวกันถึงการสืบเชื้อสายจากเจ้านครเชียงรุ้ง แสนหวีฟ้า ของเจ้าปางคำ พระบิดา ของเจ้าพระตา เจ้าพระวอ โดยกล่าวถึง ปี พ.ศ.2228 เกิดวิกฤตทางการเมือง ในนครเชียงรุ้ง เนื่องจาก จีนฮ่อหัวขาว หรือฮ่อธงขาว ยกกำลัง เข้าปล้นเมืองเชียงรุ้ง เจ้านครเชียงรุ้ง ได้แก่ เจ้าอินทกุมาร เจ้านางจันทกุมารี เจ้าปางคำ อพยพไพร่พล จากเมืองเชียงรุ้ง มาขอพึ่งพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช แห่งเวียงจันทน์ ซึ่งเป็น พระประยูรญาติ ทางฝ่ายมารดา พระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โปรดให้นำไพร่พลไปตั้งที่ เมืองหนองบัวลุ่มภู เมือง หนองบัวลุ่มภู จึงอยู่ในฐานะ พิเศษ คือไม่ต้อง ส่งส่วย บรรณาการ มีสิทธิสะสม ไพร่พล อย่างเสรีเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับ เวียงจันทน์ มีชื่อว่า “นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน” สันนิษฐานว่า น่าจะมีฐานะ เป็นเมืองลูกหลวง ต่อมา พระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ให้ เจ้าอินทกุมาร เสกสมรส กับ พระราชธิดาพระองค์หนึ่ง ได้โอรส คือ เจ้าคำ หรือเจ้าองค์นก ให้เจ้า นางจันทกุมารี เสกสมรสกับ พระอุปยุวราช ได้โอรส คือ เจ้ากิงกีศราช และ เจ้าอินทโสม ซึ่งต่อมา คือบรรพบุรุษของ เจ้านายหลวงพระบาง ส่วนเจ้าปางคำ ให้เสกสมรสกับ พระราชนัดดา ได้โอรส คือ เจ้าพระตา เจ้าพระวอ สันนิษฐานว่า ทั้งสองท่านเป็นเสนาบดี กรุงศรีสัตนาคนหุต ตั้งแต่สมัย พระไชยเชษฐาธิราชที่ 2 (ชัยวงค์เว้) พระอัยกาของ พระเจ้า สิริบุญสาร การดำรงฐานะเป็น เจ้านายเชื้อสายพระราชวงศ์ ของพระเจ้าวอ พระเจ้าตา เห็นได้จากหลักฐาน หลายประการ อาทิ การที่หนองบัว ลุ่มภู เป็นเมือง ใหญ่ มีไพร่พลมาก ดังปรากฎเมืองหน้าด่านทั้งสี่ คือ เมืองภูเขียว ภูเวียง เมืองผ้าขาว เมืองพันนา และ การที่ เมืองอุบล ดำรง ฐานะเป็น เจ้าประเทศราชเมื่อเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ของพระมหากษัตริย์ ไทย ต่างจากเมืองเขมร ป่าดงอื่นๆ และเมื่อกำเนิด พ.ร.บ. นามสกุล โปรด พระราชทานนามสกุล “ณ อุบล” อันหมายถึง เชื้อสายเจ้านาย อุบลราชธานี แต่โบราณ เมื่อเจ้านายอุบล ถึงแก่อสัญกรรม ก็มี ประเพณี การทำศพแบบนกหัสดีลิงค์ อันสืบมาจากนครเชียงรุ้ง ในเชียงใหม่ ก็ปรากฎการ ทำศพแบบนกหัสดีลิงค์เช่นเดียวกัน

การตั้งเมืองอุบลราชธานี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช บ้านเมือง ค่อนข้างสงบก็ทรงมี นโยบายที่จะ จัดตั้งเมือง ให้มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการรวบรวมไพร่พลให้เป็นปึกแผ่น เพื่อความสงบสุข สมเด็จฯ กรมพระยาดำรง ราชานุภาพได้ทรงกล่าวถึง เรื่องนี้ว่า  “…รัชกาล ที่ 1 ถึงรัชการที่ 3 ให้เจ้าเมืองร้าง เที่ยวเกลี้ยกล่อมหา ผู้คนมาเป็นพลเมือง โดย ไม่ต้องใช้อำนาจ อาจทำได้ด้วยยินดีด้วยกัน ทุกฝ่ายก็สำเร็จ ประโยชน์ ถึงความมุ่งหมาย เจ้าเมืองไหนเกลี้ยกล่อมคนมาได้มาก ก็ได้ทรัพย์เศษส่วน และได้ผู้คนสำหรับอาศัยใช้สอยมากขึ้น ก็เต็มใจขวนขวาย ตั้งบ้านเมือง ฝ่ายราษฎรที่ไปเที่ยวหลบลี้ เดือดร้อนลำบากมากอยู่ เมื่อรู้ว่า บ้านเมืองเรียบร้อยอย่างเดิม ก็ยินดีที่จะกลับมา โดยมาก……” คงจะเป็น เพื่อสนองตอบ พระบรมราโชบาย ในการตั้งเมืองดังกล่าวมาแล้ว และเพื่อความอุดมสมบูรณ์ในการประกอบอาชีพของ ไพร่บ้านพลเมือง “….ในปี พ.ศ.2329 ( จุลศักราช 1148 ปีมะเมีย นพศก) พระประทุมจึงย้ายครอบครัวไพร่พลมาตั้งอยู่ ณ ตำบลแจระแม ตือตำบล ที่ตั้ง อยู่ทาง ทิศเหนือ เมืองอุบลปัจจุบัน…..”

สถาปนา เมืองอุบลราชธานี

พ.ศ.2335 พระประทุมสุรราช (ท้าวคำผง) ได้พาพรรคพวกไพร่พลตั้งอยู่ที่ ตำบลห้วยแจระแม (บริเวณบ้าน ท่าบ่อ ในปัจจุบัน) ด้วยความปกติสุขเป็นเวลานานหลายปี จนกระทั่ง พ.ศ.2334 (จุลศักราช 1153 ตรีศก) อ้ายเชียงแก้ว ซึ่งตั้งบ้านอยู่ที่ตำบลเขาโองแขวง เมืองโขง คิดการกบฎ พาพรรคพวก ไพร่พลเข้ายึดนครจำปาศักดิ์ พระเจ้าองค์หลวง (ไชยกุมาร) เจ้าเมืองซึ่งกำลังป่วยอยู่ก็มี อาการป่วยทรุดหนัก และถึงแก่พิราลัย อ้ายเชียงแก้วจึงยึดเมือง นครจำปาศักดิ์ไว้ได้ ความทราบ ถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) เมื่อครั้งเป็น พระพรหม ยกกระบัตร ยกกองทัพเมืองนครราชสีมามาปราบกบฎอ้ายเชียงแก้ว อย่างไรก็ดีขณะที่กองทัพนครราชสีมายกมาไม่ถึงนั้น พระประทุมสุรราช (ท้าวคำผง) และท้าวฝ่ายหน้า ผู้น้อง ที่ตั้งอยู่บ้านสิงห์ท่า (เมืองยโสธร) ได้ยกกำลังไปรบอ้ายเชียงแก้วก่อน ทั้งสองฝ่าย ได้สู้รบกันที่บริเวณ แก่งตะนะ (อยู่ในท้องที่ อำเภอโขงเจียม) กองกำลัง อ้ายเชียงแก้วแตกพ่ายไป อ้ายเชียงแก้วถูกจับได้ และถูกประหารชีวิต เมื่อกองทัพ เมืองนครราชสีมายกมาถึงเมืองจำปาศักดิ์ เหตุการณ์ก็สงบเรียบร้อยแล้ว จึงพากันยกกองทัพ ไปตีพวกข่า “ชาติกระเสงสวาง จะรายระแดร์” ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกแม่น้ำโขง จับพวกข่าเป็นเชลย ได้เป็นจำนวนมาก จากความ ดีความชอบในการปราบปรามกบฎอ้ายเชียงแก้วนี้เอง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช จึงได้ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ ท้าวฝ่ายหน้าเป็น พระวิไชยราชขัตติยวงศา ครองนครจำปาศักดิ์ และโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พระประทุม สุรราช เป็นพระประทุม วรราชสุริยวงศ์ ครอง เมืองอุบลราชธานี พร้อมกับยกฐานะบ้านห้วยแจระแมขึ้นเป็นเมืองอุบลราชธานี เมื่อวันจันทร์ แรม 13 ค่ำ เดือน 8 จุลศักราช 1154 (พ.ศ.2335) ดังปรากฎ ในพระสุพรรณบัตรตั้ง เจ้าประเทศราชในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ว่า “….ด้วยพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้า ผู้ผ่าน พิภพกรุงเทพ มหานครศรีอยุธยา มีพระราชโองการโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม ตั้งให้ พระประทุม เป็นพระประทุมวรราช สุริยวงศ์ ครองเมือง อุบลราชธานี ศรีวนาไลยประเทศราช เศกให้ ณ วัน 2 แรม 13 ค่ำ เดือน 8 จุลศักราช 1154 ปีจัตวาศก…”

เจ้าเมืองอุบลราชธานีในอดีต ที่พระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งมีจำนวนทั้งสิ้น 4 ท่านดังนี้

1. พระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (พ.ศ.2335-2338) นามเดิม ท้าวคำผง บุตรเจ้าพระตา เป็นบุคคลสำคัญ ในการสร้างบ้าน แปงเมืองอุบล โปรดให้สร้างคู ประตูเมือง หอโฮงเจ้านายต่างๆ สร้างวัดหลวง และเสนาสนะ อาทิ สิม อาฮาม หอระฆัง พระพุทธรูป สิ่งก่อสร้าง ล้วนเลียนแบบ ศิลปแบบหลวงพระบาง

2. พระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (พ.ศ.2338-2388) นามเดิม พรหม น้องชายพระประทุม (คำผง) เป็นบุตรชาย คนเล็กของ เจ้าพระตา เป็นผู้ก่อสร้างวัด ป่าหลวง (วัดป่าหลวงมณีโชติ) นำไพร่พลผู้ศรัทธาสร้างพระพุทธรูป องค์ใหญ่ก่ออิฐถือปูน เป็นที่ เคารพสักการะของชาวอุบลฯ มีชื่อว่า พระเจ้าใหญ่ อินทร์แปลง ปัจจุบัน เป็นพระประธาน ในวิหารวัดมหาวนาราม

3. พระพรหมราชวงศา (พ.ศ.2388-2409) นามเดิม กุทอง สุวรรณกูฏ บุตรพระพรหม (ทิดพรหม) ในสมัยของท่าน ธรรมยุติกนิกาย แพร่หลายในเมือง อุบลฯ เพื่อสนองพระราชประสงค์ของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้สร้างวัดสุปัฏนาราม และบรรดา อุปฮาด ราชวงศ์ ราชบุตร ร่วมกัน สร้างวัดศรีทอง (ศรีอุบลรัตนาราม) วัดสุทัศน์ ซึ่งเหตุการณ์สำคัญในสมัยนี้คือการเข้าร่วมสงคราม ขับไล่ญวน
4. เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงศ์ (พ.ศ.2409-2425) เจ้าพรหมเทวา (เจ้าหน่อคำ) เป็นพี่ชายเจ้าจอมมารดา ด้วงคำใน รัชกาลที่ 4 เจ้าราชวงศ์ จำปาศักดิ์ บุตรเจ้าเสือหลานเจ้าอนุวงศ์ ในสมัยของท่านได้สร้างวัดไชยมงคล ซึ่งเป็นวัดธรรมยุตที่สี่ ในจังหวัดอุบลราชธานี สิ่งที่พึงสังเกต คือ ความขัดแย้งระหว่าง เจ้าเมืองอุปฮาด ราชวงศ์ รุนแรง เนื่องจากฝ่ายเจ้านายอุบลฯ ไม่พอใจที่ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ เจ้าหน่อคำเป็นเจ้าเมือง ในสมัยนั้นจึง เกิดการทะเลาะ วิวาทขัดแย้งกัน กลั่นแกล้งกันอยู่เสมอ ท้ายที่สุด ราวปี พ.ศ.2412 เกิดกรณี เมืองไซแง ได้เกิดความบาดหมาง ทวีความรุนแรง ต่างฝ่ายต่างเกล่าโทษ ซึ่งกัน และกัน เจ้าพรหม กล่าวหาว่า อุปฮาด ราชวงศ์ ราชบุตร ขัดขวางไม่ให้เก็บเงินส่วย จากไพร่ ข้างฝ่ายอุปฮาด ราชวงศ์ ราชบุตร ก็กล่าวหาว่า เจ้าพรหม ฉ้อราษฎร์บังหลวง ทั้งสองฝ่ายจึงลงมา สู้ความกันที่กรุงเทพฯ จนพากันถึงแก่อสัญกรรม ต่างฝ่ายต่างสูญเสียทรัพย์สินส่วนตัวเป็นจำนวนมาก พ.ศ. 2418 เกิดศึกฮ่อ เจ้าพรหมเทวาถูกเกณฑ์ไปราชการทัพฮ่อ หลังศึกฮ่อได้อัญเชิญพระพุทธรูป 2 องค์ คือ พระทองทิพย์ และพระทอง ประดิษฐาน ที่วัดศรีทอง และวัดไชยมงคล

Similar Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *